ONE EV Station LogoONE EV Station

ครบจบในที่เดียวเรื่อง EV

ค้นหาสถานีชาร์จ เปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้า ค้นหาศูนย์บริการ และอัปเดตข่าวสารล่าสุด

Hero

สถานีชาร์จแนะนำ

สถานีที่ได้รับความนิยมและคะแนนรีวิวสูงจากผู้ใช้งาน

CentralWorld Supercharge

CentralWorld Supercharge

999/9 Rama I Rd, Pathum Wan, Bangkok 10330

CCS2, CCS2, Type2
สูงสุด 250 kW
4.8 (125 รีวิว)
Siam Paragon EV Park

Siam Paragon EV Park

991 Rama I Rd, Pathum Wan, Bangkok 10330

CCS2, CHAdeMO, Type2
สูงสุด 150 kW
4.5 (98 รีวิว)
Mega Bangna E-Charge

Mega Bangna E-Charge

39 Moo 6, Bang Na-Trat Rd, Bang Kaeo, Bang Phli

CCS2, CCS2, Type2
สูงสุด 350 kW
4.7 (210 รีวิว)

บทความล่าสุด

ดูทั้งหมด
หมัดต่อหมัด: BYD Seal ปะทะ Tesla Model 3

เปรียบเทียบสองสุดยอดซีดานไฟฟ้าแห่งยุค ทั้งด้านสมรรถนะ, ระยะทาง, เทคโนโลยี, และความคุ้มค่า ใครคือตัวจริงในสนามนี้? การมาถึงของ BYD Seal ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้นำตลาดอย่าง Tesla Model 3 ที่ครองตำแหน่งซีดานไฟฟ้าขายดีมาอย่างยาวนาน คำถามที่หลายคนสงสัยคือ Seal สามารถท้าชิงตำแหน่งจาก Model 3 ได้จริงหรือไม่? ในด้านการออกแบบ Seal มาพร้อมกับดีไซน์ 'Ocean Aesthetics' ที่ดูพลิ้วไหวและสปอร์ตกว่า ในขณะที่ Model 3 ยังคงความมินิมอลเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความล้ำสมัยที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อพูดถึงสมรรถนะ รุ่น Performance ของทั้งสองคันต่างมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระดับ 3 วินาทีเศษ แต่ฟีลลิ่งการขับขี่อาจแตกต่างกัน Seal ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าเล็กน้อยจากช่วงล่าง iTAC (Intelligence Torque Adaption Control) ในขณะที่ Model 3 จะมีความกระชับและเฉียบคมตามสไตล์ Tesla สำหรับระยะทางวิ่ง รุ่น Long Range ของ Model 3 ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยตามมาตรฐาน WLTP แต่ในชีวิตจริง ปัจจัยอย่างพฤติกรรมการขับขี่และสภาพอากาศก็มีผลอย่างมากเช่นกัน เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ของ BYD ก็ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและทนทาน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่น่าสนใจ ภายในห้องโดยสาร Seal โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางที่หมุนได้และวัสดุที่ดูหรูหรากว่า ในขณะที่ Model 3 เน้นความโปร่งโล่งและการควบคุมทุกอย่างผ่านหน้าจอเดียว ซึ่งเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วแต่ความชอบ สรุปแล้ว ทั้งสองคันต่างเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยมและมีจุดเด่นแตกต่างกันไป การตัดสินใจเลือกระหว่าง BYD Seal และ Tesla Model 3 จึงขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด: ดีไซน์ที่โดดเด่นและความหรูหราของ Seal หรือความมินิมอล เทคโนโลยี และเครือข่าย Supercharger ที่แข็งแกร่งของ Tesla

Car Compare
28 ก.ค. 2567
เทคโนโลยีชาร์จไร้สายสำหรับ EV มาถึงแล้วหรือยัง?

สำรวจอนาคตของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้สายอีกต่อไป หลักการทำงานเป็นอย่างไร และเมื่อไหร่เราจะได้ใช้งานจริง? จินตนาการถึงโลกที่คุณเพียงแค่จอดรถยนต์ไฟฟ้าในช่องจอดรถที่บ้านหรือที่ทำงาน แล้วรถของคุณก็เริ่มชาร์จโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับการเสียบสายชาร์จ นี่คือภาพอนาคตที่เทคโนโลยีการชาร์จไร้สาย (Wireless EV Charging) กำลังจะทำให้เป็นจริง หลักการทำงานของการชาร์จไร้สายนั้นคล้ายคลึงกับการชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย โดยอาศัยหลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Induction) แผ่นส่งกำลัง (Transmitter Pad) ที่ติดตั้งอยู่บนพื้นจะสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมา และเมื่อรถยนต์ที่มีแผ่นรับกำลัง (Receiver Pad) ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถเข้ามาจอดในตำแหน่งที่ถูกต้อง สนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในขดลวดของแผ่นรับกำลังและส่งต่อไปยังแบตเตอรี่ ปัจจุบันมีหลายบริษัททั่วโลกกำลังพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีนี้ โดยมีความท้าทายหลักๆ คือเรื่องของประสิทธิภาพในการส่งผ่านพลังงาน ซึ่งยังคงมีการสูญเสียพลังงานสูงกว่าการชาร์จแบบใช้สาย และความแม่นยำในการจอดรถให้ตรงตำแหน่งเพื่อให้การชาร์จมีประสิทธิภาพสูงสุด แม้ว่าจะเริ่มมีการทดลองใช้งานในบางพื้นที่ เช่น กับรถบัสไฟฟ้าหรือแท็กซี่ไฟฟ้าในบางเมือง แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปคาดว่าอาจจะต้องรออีก 3-5 ปี กว่าที่เทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่คือก้าวสำคัญที่จะทำให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

Future Tech
25 ก.ค. 2567
AION เปิดตัว Hyper SSR ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า 1,225 แรงม้า

สัมผัสความแรงระดับ 0-100 ใน 1.9 วินาที กับซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบจาก GAC AION ที่เตรียมบุกตลาดโลก GAC AION ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์อีกครั้งด้วยการเปิดตัว 'Hyper SSR' ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับตัวเลขที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังสูงสุดถึง 1,225 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 12,000 นิวตันเมตร ความสุดยอดของ Hyper SSR อยู่ที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ทาง AION เคลมว่าสามารถทำได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาทีเท่านั้น ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกทันที ตัวถังของรถทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ 100% เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่ง การออกแบบภายนอกเน้นหลักอากาศพลศาสตร์อย่างเต็มที่ พร้อมประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) ที่บ่งบอกความเป็นซูเปอร์คาร์ได้อย่างชัดเจน แม้จะเป็นรถสมรรถนะสูง แต่ AION ก็ยังไม่ลืมที่จะใส่เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Snapdragon 8155 สำหรับระบบอินโฟเทนเมนต์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADiGO 5.0 Hyper SSR จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือรุ่นปกติและรุ่น Ultimate ที่มีอัตราเร่ง 1.9 วินาที การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการประกาศศักดาของค่ายรถยนต์จากจีนว่าพร้อมที่จะแข่งขันในตลาดซูเปอร์คาร์ระดับโลกแล้ว และเป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่ามันจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดนี้ได้มากน้อยเพียงใด

Speed Enthusiast
22 ก.ค. 2567

สินค้าใหม่

ดูทั้งหมด
Portable EV Charger (Type 2)

Portable EV Charger (Type 2)

8,900 บาท

ติดต่อ
Wall Charger 22kW

Wall Charger 22kW

25,000 บาท

ติดต่อ
Type 2 to GBT Adapter

Type 2 to GBT Adapter

4,500 บาท

ติดต่อ
Premium Charging Cable

Premium Charging Cable

3,200 บาท

ติดต่อ

คำถามที่พบบ่อย

คำตอบสำหรับข้อสงสัยที่คุณอาจมีเกี่ยวกับการใช้งาน ONE EV Station